คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งซึ่งเป็นตัวผลิตสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน แบคทีเรีย ชนิดนี้ผลิตสารพิษที่แตกต่างกัน 7 ชนิดซึ่งสารพิษเหล่านี้สามารถทำให้ระบบประสาทกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตได้ สารพิษทั้ง 7 ชนิดนี้ เรียกว่า โบทูลินั่ม ท็อกซิน (โบท็อกซ์) และเรียกเป็นชนิด A, B, C, D, E, F, และ G
การพัฒนาและการใช้โบท็อกซ์เป็นอาวุธชีวภาพได้เริ่มต้นอย่างน้อยเมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา โบท็อกซ์เป็นสารพิษที่รู้จักกันมาก
ที่สุด โบท็อกซ์เป็นสารพิษที่รุนแรงกว่าพิษจากงูกะปะถึง 6 ล้านเท่า ถ้าผลึกสารโบท็อกซ์เพียงแค่ 1 กรัมกระจายตัวไปและ
มีการสูดเข้าไป จะฆ่าคนได้มากกว่า 1 ล้านคน ดังนั้น งานวิจัยเกี่ยวกับการใช้โบท็อกซ์เป็นอาวุธชีวภาพจึงเริ่มต้นขึ้น
โปรแกรมอาวุธชีวภาพของประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มผลิตด้วยโบท็อกซ์ครั้งแรกในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ ท่า
เรือดิตทริก รัฐแมรี่แลนด์ เนื่องจากความกังวลว่าประเทศเยอรมันจะมีใช้โบท็อกซ์เป็นอาวุธ จึงได้ทำการผลิตวัคซีนโบท็
อกซ์มากกว่า 1 ล้านโดสสำหรับกองพันธมิตรเพื่อเตรียมบุกเมืองนอร์แมนดี้ในวันดีเดย์ โปรแกรมอาวุธชีวภาพของ
สหรัฐอเมริกาได้สิ้นสุดลงในปี 1960-1970 ด้วยคำสั่งพิเศษจากประธานาธิบดีนิกสัน อย่างไรก็ตาม ดร.เอ็ดเวิร์ด (Edward
Schantz) จากสถาบันวิจัยอาหารและ อิริค จอห์นสัน จากศูนย์วิจัยผลิตโบท็อกซ์เพื่อการวิจัย
เป็นเวลา 10 ปี ดร. อลัน สกอตต์ ใช้โบท็อกซ์ในการทดลองกับสัตว์ และในปี 1968 เขาใช้โบท็อกซ์เป็นครั้งแรกกับมนุษย์
เพื่อที่จะรักษาโรคตาเหล่ และต่อมาสารโบท็อกซ์ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในการใช้รักษาโรคตาเหล่ อาการคอบิด และ
โรคออกเสียงลำบากเนื่องจากกล้ามเนื้อกระตุก
ในปี 1984 ดร. บลิทเซอร์ใช้สารโบท็อกซ์ครั้งแรกสำหรับรักษาโรคออกเสียงลำบากเนื่องจากกล้ามเนื้อกระตุกและยังคงใช้
สำหรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่กล้ามเนื้อและเส้นประสาทเชื่อมต่อกันเรียกว่า 'รอยต่อระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ' และมันเป็นที่ที่สัญญาณจากระบบประสาทหลั่ง แอซิติลโคลีน ออกมาซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ถูกเก็บไว้ในกระเปาะที่ปลายประสาท
ในปลายประสาทมีโปรตีนหลากหลายชนิดที่หลั่งแอซิติลโคลีนเก็บไว้ภายในถุงซินแนพส์ และรวมอยู่ที่ปลายประสาท โปรตีนรวมถึงโปรตีน SNAP-25, VAMP และ Syntaxin โบทูลินั่ม ชนิด A และ E แยกสลาย SNAP-25 และชนิด B, D, F และ G แยกสลาย VAMP while type C1 แยกสลาย syntaxin และ SNAP-25
โบท็อกซ์ทำให้ประสาทกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต โบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปในเส้นหนักของกล้ามเนื้อและเข้าไปจับกับปลายประสาท
โบท็อกซ์ที่ฉีดจับตัวกับปลายประสาทและเข้าไปข้างใน จากนั้นโบท็อกซ์แยกสลายโปรตีน SNAP-25 ในปลายประสาทและยับยั้งการปล่อยแอซิติลโคลีน
แอซิติลโคลีนไม่ถูกหลั่งอีกต่อไป สัญญาณประสาทไม่สามารถถูกส่งไปที่กล้ามเนื้อได้ กล้ามเนื้อจะไม่หดตัวและจะเกิดความบกพร่องทางชีวเคมี เมื่อเวลาผ่านไป เกิดเส้นประสาทใหม่ขึ้นมา เราเรียกว่าการงอกของเส้นประสาท
เส้นประสาทที่งอกขึ้นมาใหม่จะร่วมกับกล้ามเนื้อเพื่อสร้างรอยต่อเส้นประสาทและกล้ามเนื้อและจะทำให้ฤทธิ์ของโบท็อกซ์หมดไป
ด้วยการฉีดในปริมาณทั่วๆไป โบท็อกซ์ไม่สามารถให้ผลอย่างถาวรได้ และเมื่อฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณมากเข้ากล้ามเนื้อ
กล้ามเนื้อจะอ่อนแอลงมากกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์ไม่คงถาวรและการทำงานในรอยต่อเส้นประสาท
และกล้ามเนื้อจะเกิดขึ้นอีกครั้งเนื่องจากการงอกใหม่ของเส้นประสาท
บางท่านอาจจะคิดว่าการฉีดโบท็อกซ์สำหรับโรคออกเสียงผิดปกติเนื่องจากสายเสียงหดเกร็งอาจทำให้กล้ามเนื้อสายเสียง
อ่อนแอลง แต่นั่นไม่เป็นความจริง ปริมาณของโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าในสายเสียงประมาณ 1/50 – 1/100
ของการฉีดเพื่อเสริมความงาม ดังนั้น เป็นเรื่องที่ผิดที่คิดว่าการฉีดโบท็อกซ์ทำให้กล้ามเนื้อสายเสียงอ่อนแอลงหรือบางครั้งอาจเกิดผลข้างเคียงเมื่อได้รับการฉีดโบท็อกซ์จากผู้ที่ขาดความชำนาญและความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับกลไกของการรักษาด้วยโบท็อกซ์
ในปี 1984 ดร. บลิทเซอร์ได้ใช้โบท็อกซ์เป็นครั้งแรกในการรักษาผู้ป่วยโรคออกเสียงลำบากเนื่องจากการหดเกร็งกล้ามเนื้อ และจนถึงปัจจุบันยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับกล้ามเนื้อสายเสียงอ่อนแอลง ในปี 1996 ดร. คิมฮยองแท เยซอนคลินิก ได้ใช้วิธีการฉีดโบท็อกซ์ผ่านผิวหนังโดยใช้คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อเป็นครั้งแรกในประเทศเกาหลี และไม่พบอาการของความอ่อนแอลงของกล้ามเนื้อสายเสียงแต่อย่างใดจนถึงปัจจุบัน งปัจจุบัน ปัจจุบันโบท็อกซ์ใช้ในการรักษาโรคออกสียงลำบากเนื่องจากกล้ามเนื้อหดเกร็ง กล้ามเนื้อใบหน้าเกร็งและกระตุก หนังตากระตุก ภาวะเหงื่อออกมาก โรคไมเกรน และความผิดปกติอื่นจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
สำหรับขั้นตอนที่ปลอดภัยในการรักษาด้วยยาโบท็อกซ์ เยซอนคลินิกให้บริการโดยฉีดยาโบท็อกซ์ให้ในปริมาณน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และเราได้จัดบริการ "สมาชิกโบท็อกซ์พรีเมี่ยม" เพื่อที่จะให้ราคาที่สมเหตุสมผลกับผู้ป่วย
เมื่อลงทะเบียนเป็นสมาชิกสำหรับบริการนี้แล้ว คุณจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่รวมอยู่ทั้งหมด สมาชิกรายปีนี้ไม่รวมถึงค่าปรึกษา ค่าตรวจและค่าลงทะเบียน แต่จะรวมค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยยาโบท็อกซ์
สามารถมารับการรักษาในวันและเวลาที่คุณต้องการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเป็นเวลา 1 ปีการฉีดตามปกติ 1 ครั้ง ใน 1 เดือนครึ่ง ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าเสียงของคุณจะแย่ลงสามารถฉีดโบท็อกซ์ได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจะไม่เกิดเสียงแหบและสามารถคงเสียงปกติไว้ได้ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการฉีดโบท็อกซ์ได้ถึง 70% ต่อปี การนัดหมายสำหรับฉีดโบท็อกซ์จะต้องทำนัดล่วงหน้าเป็นเวลา 1 อาทิตย์ทางโทรศัพท์.